Admin_support

Admin_support

ผู้ดูแล

chalermphol@qmlcorp.com

  Tesla อาจพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมรถยนต์ (846 อ่าน)

3 ก.ค. 2559 16:40

Tesla อาจพลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมรถยนต์
โดย : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ วันที่ 20 มิถุนายน 2559,



ครั้งที่แล้วผมพยายามอธิบายอย่างละเอียดเกี่ยวกับรถที่ใช้เครื่องยนต์ Internal Combustion Engine (ICE)

ที่ใช้กันอยู่แพร่หลายในปัจจุบันที่ได้พัฒนามานานกว่า 100 ปี โดยกล่าวว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีความสลับซับซ้อนมาก แต่มีประสิทธิภาพต่ำ (นำเอาพลังงานที่ผลิตออกมาใช้งานได้เพียง 20% และอาจถูกตีตลาดโดยรถที่ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าที่กำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในประเทศพัฒนาแล้ว ได้แก่ รถ Tesla ซึ่งผมขอสรุปสรรพคุณของรถ Tesla โดยไม่ต้องอธิบายในเชิงเทคนิคดังนี้



1) รถ Tesla นั้นนำไปบรรจุ (ชาร์จ) ไฟฟ้าครั้งหนึ่งวิ่งได้ประมาณ 320-400 กิโลเมตร จะจ่ายค่าไฟประมาณ 150 บาท แต่ในสหรัฐอเมริกาบริษัท Tesla มีแหล่งชาร์จไฟเป็นพันแห่ง (และจะเพิ่มเป็นหลายพันแห่งทั่วประเทศภายในปลายปีหน้า) โดยอาจให้เติมไฟได้โดยไม่คิดเงินเลย ในขณะที่เราเติมน้ำมันรถยนต์เต็มถังครั้งหนึ่งประมาณ 1,500-2,000 บาท



2) เครื่องไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่สึกหรอน้อยกว่า ICE มาก บริษัท Tesla จึงรับประกันเครื่องยนต์ไฟฟ้า 8 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง (รถ Taxi น่าจะพอใจมากที่สุด) รถไฟฟ้าไม่มีระบบระบายความร้อน ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไม่สร้างมลภาวะ และไม่มีเกียร์ นอกจากนั้นยังไม่มีเสียง จึงไม่ต้องมีท่อเก็บเสียง



3) รถ Tesla ที่เป็นรถโดยสาร 5 คนคือ modelS และล่าสุดรถอเนกประสงค์ (SUV+minivan) ที่เรียกว่า X นั่งได้ 6 คน สามารถเร่งแซงรถ Ferrari (หรือ Lamborghini หรือ McLaren) ได้เพราะเครื่องไฟฟ้านั้น แรงม้าและแรงบิดจะมา 100% ในทันที โดยไม่ต้องรอรอบ เช่น รถ ICE แต่จะต้องยอมให้ใช้พลังจากแบตเตอรี่สูง

ซึ่งบริษัท Tesla ให้ทางเลือกที่เรียกว่า Ludicrous speed/mode หรือ “เร็วอย่างบ้าบิ่น” ทั้งๆ ที่รถ Tesla model X นั้น ราคาเพียง 4-5 ล้านบาท ในขณะที่ซูเปอร์คาร์ที่กล่าวถึงนั้นราคาสูงกว่า 4-5 เท่า (Ludicrous mode ทำให้ Tesla model X เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชม. ได้ในเวลากว่า 3 วินาทีเล็กน้อย เทียบเท่ากับ Super car ที่ต้องมีแรงม้าประมาณ 500 ตัวขึ้นไป

กล่าวคือ Tesla กำลังขายรถไฟฟ้าในอเมริกาที่ราคาถูกกว่า กินน้ำมันน้อยกว่า เร็วกว่าและมีประกันศูนย์ยาวนานกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ทุกยี่ห้อ และยังไม่ก่อให้เกิดมลพิษ จึงมีประโยชน์ในการลดภาษีมลภาวะ



ปัญหาหลักของ Tesla คือผลิตไม่ทันความต้องการ เพราะเข้าใจว่ารุ่น X และรุ่น S ก็ต้องรอหลายเดือน ในขณะที่เมื่อประกาศรุ่นล่าสุดคือ model 3 ราคา 35,000 ดอลลาร์ ก็มียอดจองใกล้ 4 แสนคันแล้ว ทั้งๆ ที่จะยังไม่สามารถเพิ่มการผลิตได้ จนกระทั่งปลายปีหน้า



ยอดจองรถ Tesla model 3 นั้น สร้างประวัติศาสตร์รถยนต์ เพราะไม่เคยมีการจองรถยนต์รุ่นใดมากมายขนาดนี้ตั้งแต่มีการผลิตรถยนต์เกือบ 150 ปีที่ผ่านมา (โดยปัจจุบันน่าจะมีรถยนต์บนโลกนี้หลายร้อยล้านคัน)

การสั่งจองรถ Tesla model 3 นั้นต้องวางเงินมัดจำคันละ 1,000 ดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกา (และที่อังกฤษ 1,000 ปอนด์ แปลว่าบริษัท Tesla ได้รับเงินสดมาแล้วเกือบ 14,000 ล้านบาทสำหรับรถยนต์รุ่นเดียว ซึ่งตัวเองยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลย ทั้งนี้เพราะรถ Tesla รุ่นก่อนหน้าคือ Tesla S นั้น ได้รับคำชมเชยมากมาย เช่น consumer reports ให้คะแนน 103 จาก 100 และสรุปว่าขับดีกว่า Rolls Royce โดยมีราคาที่สหรัฐประมาณ 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป จึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับรถเบนซ์รุ่น S และต่อมามียอดขายแซงหน้ารถสุดหรูรุ่นดังกล่าวของเยอรมันในบางตลาด



ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ บางคนอาจบอกว่าเป็นการคัดกรองเอาข้อมูลด้านเดียวมานำเสนอให้เกิดกระแสว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะเป็น disruptive technology ซึ่งก็เคยมีการสร้างกระแสเช่นนี้มาก่อนหน้า แต่ในที่สุดก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งผมก็ยอมรับว่า ผมเองนั้นเชื่อมั่นในรถยนต์ ICE มาโดยตลอด จึงได้พยายามหาข้อมูลให้รอบด้านมากที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าเริ่มเป็นห่วงว่ารถยนต์ ICE อาจต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่เป็นการรุกฆาตทางเทคโนโลยีจริงๆ และอาจไม่แตกต่างจากเทคโนโลยีการถ่ายแบบ digital ที่ทำให้ฟิล์มต้องสูญพันธ์ไปเกือบหมดสิ้น



ทำไมจึงคิดเช่นนั้น? เพราะผมไปพบรายงานในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2016 เรื่อง “Germany to subsidize electric autos” ซึ่งสาระของข่าวมีดังนี้



Wall Street Journal เริ่มรายงานข่าวว่าเมื่อต้นปีนี้ผู้ช่วยคนสนิท (top aide) ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนี นาง Angela MerKel ได้เรียกประชุมลับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรถยนต์ของประเทศเยอรมนี และถามผู้บริหารดังกล่าวว่า What are you going to do about Tesla? และ 3-4 เดือนให้หลังคำตอบของรัฐบาลเยอรมัน บริษัทรถยนต์ Volkswagen BMW และ Diamler Benz คือ

รัฐบาลจะออกมาตรการ “รถไฟฟ้าคันแรก” โดยจะคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อรถไฟฟ้าคันละ 4,000 ยูโรและผู้ที่ซื้อรถไฟฟ้าลูกผสม (Hybrid) คันละ 3,000 ยูโร (ลดราคาประมาณคันละ 12%)



นอกจากนั้นรัฐบาลก็ยังจะต้องอุดหนุนการสร้างเครือข่ายสถานีไฟฟ้าทั่วประเทศให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าสามารถ “เติมน้ำมัน” ได้โดยสะดวกยิ่งขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีสัญญาว่าจะเพิ่มงบประมาณวิจัยและพัฒนา ตลอดจนจ่าย 50% ของภาระของรัฐบาลมาตรการดังกล่าวข้างต้น โดยจะจ่ายเป็นผ่อนส่ง ทั้งนี้เพราะหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล บริษัทรถยนต์เยอรมนีจะไม่สามารถแข่งขันกับ Tesla ได้ เพราะตามเทคโนโลยีของ Tesla ไม่ทัน

ตรงนี้ผมต้องขอเพิ่มเติมข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพใหญ่ให้ครบถ้วนดังนี้ครับ Tesla เป็นบริษัทขนาดเล็กที่ปัจจุบันผลิตรถยนต์เพียง 2 รุ่น (รุ่น S กับรุ่น X) รวมปีละไม่กี่หมื่นคัน โดยบริษัทมีอายุประมาณ 12-13 ปี

แต่บริษัทรถยนต์เยอรมนี 3 บริษัทนั้นผลิตรถยนต์ปีละเป็นหลายล้านคันและผลิตรถยนต์มานาน 150 ปีแล้ว บริษัท Volkswagen นั้นผลิตหลายยี่ห้อ เช่น Volkswagen Audi Bentley Lamboghini และร่วมลงทุนผลิตรถ Porche Seat และอื่นๆ ในขณะที่ BMW ก็ยังเป็นผู้ผลิต Rolls Royce และเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์รายใหญ่อีกด้วย สำหรับ Diamler Benz นั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มอีกมาก เพราะคนไทยรู้จักและนิยมยี่ห้อนี้มากที่สุด

ครั้งต่อไปผมจะเล่าต่อว่าประเทศเยอรมนีกลัวรถ Tesla จนต้องออกมาตรการ “รถยนต์ไฟฟ้าคันแรก” ครับ

110.168.229.120

Admin_support

Admin_support

ผู้ดูแล

chalermphol@qmlcorp.com

ตอบกระทู้
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com