Admin_support
chalermphol@qmlcorp.com
ดัชนีผู้บริโภคเดือนก.ค.59 ดีขึ้น (1001 อ่าน)
8 ส.ค. 2559 00:18
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค. ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 7 เดือน หลังภัยแล้งคลี่คลาย ราคาเกษตรเพิ่ม
น้ำมันลดต่อเนื่อง คาดกำลังซื้อคนไทยจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป
หากเศรษฐกิจโลกไม่ผันผวน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐได้ผล
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนก.ค.59อยู่ที่72.5จากเดือนมิ.ย.ที่ 71.6
ถือว่าปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกของปี หรือในรอบ 7 เดือนขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบันเท่ากับ 52.4
เพิ่มขึ้นจาก51.7ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต 80.5 เพิ่มขึ้นจาก79.5เนื่องจากปัจจัยเรื่องภัยแล้งคลี่คลายลง
หลังฝนตกต้องตามฤดูกาล ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ทำให้ภาคครัวเรือน
โดยเฉพาะในต่างจังหวัดมีกำลังซื้อดีขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ราคาน้ำมันยังลดลงต่อเนื่อง
สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้ว แต่ยังเป็นแบบอ่อนๆ
เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามสถานการณ์อยู่ทำให้ประชาชนแม้จะเริ่มจับจ่ายใช้สอยแล้ว
แต่ก็ยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวม61.4เพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.ที่ 60.6
ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่67.4เพิ่มจาก66.5
และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่88.7เพิ่มจาก87.6ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นในรอบปีนี้แทบทุกรายการ
จึงถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเป็นรูปแอ่งกระทะแล้ว
เพราะประชาชนคาดหวังว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้ รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
รวมทั้งเร่งรัดเบิกจ่ายเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ตามแผนที่วางไว้มากขึ้น
หรือจะมีเงินเข้าสู่ระบบมากถึง 1500,000-200,000 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่าไตรมาส 4
ศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้น หรือเติบโตได้เกิน 3%แต่ทั้งนี้ ขอดูสถานการณ์อีก 2-3 เดือนว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีจริงหรือไม่
เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการเมือง โดยเฉพาะการลงมติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 ส.ค.นี้
ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทั้งประชาชนและนักลงทุนต่อเนื่องไปถึงการเลือกตั้งในปีหน้า
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยเลยจุดฟื้นตัวมาแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2 และเดือนก.ค.นี้ ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่เศรษฐกิจดีขึ้น
แต่ยังเป็นการฟื้นตัวแบบอ่อนๆ หรือรูปตัวยู เพราะประชาชนยังกังวลต่อปัญหาการเมือง แต่โดยภาพรวมแล้ว
ส่วนใหญ่ยังมองว่า ไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ก็ตาม รัฐบาลก็ยังเดินหน้าให้มีการเลือกตั้งตามโรดแม๊พที่วางไว้
เพียงแต่ ถ้ารับร่างฯ ภาพทุกอย่างก็ชัดเจน และเดินหน้าตามกระบวนการได้รวดเร็ว
ทำให้นักลงทุนตัดสินใจเพิ่มการลงทุนได้ต่อเนื่อง แต่หากไม่รับร่างฯ ก็ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่
ทุกอย่างก็เดินหน้าช้าลงไป นักลงทุนก็จะหยุดและรอดูสถานการณ์ (เว็ต แอนด์ ซี)
ทำให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจไม่คึกคักเท่าที่ควรตามไปด้วย
110.168.229.207
Admin_support
ผู้ดูแล
chalermphol@qmlcorp.com