Admin_support

Admin_support

ผู้ดูแล

chalermphol@qmlcorp.com

  ช่องทางทำเงินของ SME ในอนาคต (988 อ่าน)

2 ธ.ค. 2559 01:05



อ่านจากหัวข้อก็คงพอจะเดากันได้แล้วใช่มั้ยครับว่าวันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องอะไร ก็ IoT หรือ Internet of Things ที่กำลังเป็นที่แพร่หลายอยู่ในสังคมขณะนี้นั่นเองครับ ซึ่งนอกจากเรื่อง Thailand 4.0 เรื่อง Startup ก็มีเรื่องของ IoT นี่แหละครับที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี นวัตกรรม และเป็นที่สนใจของคนไทยจำนวนมาก

ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ก็เป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ประมาณว่า ประเทศไทยเราอยากจะขยับปรับเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจให้เป็นยุค 4.0 ซึ่งขับเคลื่อนด้วย นวัตกรรมและเทคโนโลยี โดย IoT นี่ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้ประเทศไทยขยับไปถึงจุดที่ต้องการตรงนั้นได้ แต่ใครกันล่ะที่จะมาเป็นผู้สรรค์สร้างให้เกิดขึ้นมา ก็หนีไม่พ้น SME หรือ Startup นั่นเอง

IoT ฟันเฟืองชิ้นใหม่ที่คอยขับเคลื่อนโลกอนาคต

ทุกอย่างถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่แต่ละตัวมีหน้าที่และความสำคัญในตัวของมันเอง ซึ่งจิ๊กซอว์ที่จะได้รับหน้าที่เป็นพระเอกของบทความนี้ก็คือ จิ๊กซอว์ที่มีชื่อว่า IoT โดยทุกวันนี้เราจะเห็นว่าแรงผลักดันทางธุรกิจเริ่มออกมาในเรื่องของ IoT มากขึ้น อย่างที่หลายคนเคยได้ยินเรื่อง Industry 4.0 หรือก็คือการนำ IoT ไปใช้ในภาคโรงงาน ซึ่ง IoT ในปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งของอีกต่อไป แต่หมายถึงการให้บริการต่าง ๆ อีกด้วย

IoT เปรียบเสมือนตัวเร่งให้เกิด Digital Transformation หรือก็คือช่วยให้เกิดธุรกิจใหม่ ๆ ขึ้นมา ช่วยให้การทำอะไรหลาย ๆ อย่างในชีวิตประจำวันของเราเสร็จสิ้นได้ไวขึ้น ในขณะเดียวกันก็ใช้กำลังคนได้น้อยลง และผู้ใช้บริการก็จะได้รับประสบการณ์ที่ดี รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เป็นการใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเข้ามาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ตู้เย็น โทรทัศน์ หรือแม้แต่บ้านทั้งหลังก็ตาม โดยอุปกรณ์ทั้งหมดที่กล่าวมาจะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ สามารถควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ทั้งจากในบ้าน ที่ทำงาน หรือระหว่างขับรถ เช่น ควบคุมอุณหภูมิบ้าน เปิด-ปิดไฟ สั่งให้เครื่องชงกาแฟต้มน้ำทิ้งไว้ก่อนเราจะถึงบ้าน 3 นาที เป็นต้น

2563 ปีของ Internet of Things

Gartner บริษัทวิจัยและให้คำแนะนำด้าน IT ในสหรัฐอเมริกาที่มักจะเผยแพร่บทความเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีในแต่ละปีไว้อยู่เสมอก็ได้พูดถึง IoT ไว้ว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้าหรือในปี 2563 อุปกรณ์ต่าง ๆ กว่า 25,000 ล้านเครื่องจะสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นมากกว่าปัจจุบันถึงกว่า 300% ซึ่งจำนวนตัวเลขนี้เองที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่การเป็น Smart City หรือเมืองอัจฉริยะ ซึ่งสอดรับกับนโยบาย Digital Economy ของรัฐบาลไทย

จริง ๆ แล้ว IoT ในทุกวันนี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของภาค IT ไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งภาคดิจิทัล และในภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันนี้ผู้บริการรถยนต์หลาย ๆ ค่ายทั้งในญี่ปุ่นและอเมริกาต่างผลิตรถยนต์ที่รองรับระบบอินเทอร์เน็ต สามารถช่วยวิเคราะห์นิสัยผู้ขับและดูว่ารถยนต์ชำรุดตรงไหนบ้าง ทำให้ผู้ใช้งานสามารถดูได้ว่าควรซ่อมแซมตรงไหนและเมื่อไหร่ อีกทั้งในภาคอุตสาหกรรมขนส่ง IoT ก็จะเข้ามาช่วยติดตามว่ารถคันนี้ไปไหน วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ เมื่อมีอะไรผิดปกติ ถ้าวิ่งออกนอกเส้นทางก็สามารถตรวจสอบได้ทันที หรือแม้แต่รถบรรทุกเงิน ก็มีการใช้ IoT เข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน ทำให้สามารถส่งภาพในรถกลับมาได้ เมื่อไหร่ที่รถวิ่งออกนอกเส้นทางหรือใช้เวลาเกินกว่าที่ระบุไว้ ก็จะมีการส่งสัญญาณเตือนเข้ามาที่ระบบทันที ทำให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ และตัวอย่างสุดท้ายที่เห็นกันได้ชัดเจนทั่วไปก็คือ รถพยาบาลเริ่มเอา IoT เข้ามาใช้งาน คนไข้อยู่ในรถ หมอที่อยู่โรงพยาบาลสามารถคุยกับพยาบาลที่อยู่ในรถได้ และสามารถวินิจฉัยเพื่อให้พยาบาลทำการรักษาได้ทันท่วงที

แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นของความสะดวกสบายเหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าโลกของเราไม่มีระบบ Cloud การจะทำให้สิ่งของสามารถคุยกันได้จริงต้องพึ่งพาระบบ Cloud ตรงนี้มาช่วยเป็นเหมือนดั่งศูนย์กลางการรับส่งข้อมูล ทำให้ IoT ตรงนี้เกิดขึ้นได้จริงอย่างมากประสิทธิภาพ

IoT ช่องทางการทำเงินของ SME ในอนาคต

สำหรับผู้อ่านที่มีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการหรือ SME ที่มีวิสัยทัศน์สักหน่อย ก็เริ่มจะมองเห็นช่องทางการทำเงินในอนาคตกันได้ไม่ยาก เพราะต้องบอกไว้ตรงนี้เลยว่า IoT มาแน่ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เพราะฉะนั้น SME ทุกคนควรศึกษาข้อมูลเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และการสร้างสรรค์สินค้าของตัวเองขึ้นมาเป็นเจ้าแรกในประเทศย่อมเป็นเหมือนการถางทางให้ตัวเองในอนาคต ซึ่งเชื่อได้เลยครับว่าไม่มีการเสียเปล่าแน่นอน ยิ่งเราเปิดมุมมองมากเท่าไหร่ยิ่งเห็นโอกาสในธุรกิจมากเท่านั้น เช่น เราอาจจะปรับใช้ IoT ในการช่วยเรื่องการขนส่ง ช่วยเรื่องการดูแลลูกค้า ช่วยเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ และอะไรอีกมากมายเท่าที่เราจะสามารถคิดค้นขึ้นมาได้ แต่อาจจะติดอุปสรรคอยู่บ้างนิดหนึ่งตรงที่ ‘ต้องหาคนที่เก่งจริง ๆ ให้ได้’ เพราะในการพัฒนาสินค้าที่เกี่ยวกับข้องกับระบบทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์นั้น จำเป็นต้องใช้คนที่มีความสามารถอย่างมาก ซึ่งตรงนี้เองที่ผมมองว่าประเทศไทยยังขาดอยู่ ไม่ใช่ในแง่ของความสามารถที่คนไทยสู้ชาวต่างชาติไม่ได้ จริง ๆ แล้วคนไทยเก่งไม่แพ้ใครแน่นอน แต่เป็นเพราะคนที่เก่งเหล่านั้นมักจะหลบซ่อนอยู่ เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความสามารถ ทำให้โดยรวมแล้วเรายังไม่สามารถพาตัวเองไปเทียบเคียงกับคนอื่นได้

Co-Working Space แหล่งรวบรวมคนเก่งที่ SME ต้องแวะเวียน

อีกทั้งการแข่งขันแย่งชิงคนเก่งในประเทศของเราก็เข้มข้น บริษัทไหนใหญ่หน่อยก็มีกำลังในการฉุดดึงที่สูง ทำให้ SME อาจต้องประสบปัญหาในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนทางจะมืดมนไปซะทีเดียว ผมขอแนะนำสถานที่ที่รวบรวมคนเก่ง คนมีแพสชั่น คนที่พร้อมจะพัฒนาสินค้าและประเทศไปพร้อม ๆ กับคุณได้ ซึ่งก็คือที่ Co-Working Space นั่นเอง สถานที่ที่เรียกว่า Co-Working Space นี้เป็นแหล่งรวมตัวของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ ต้องการทำอะไรสักอย่างออกมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก ซึ่งในประเทศไทยตอนนี้มี Co-Working Space ไม่ต่ำกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ แค่เฉพาะในกรุงเทพฯ อย่างเดียวก็มากถึง 40 แห่งแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของคนไทยที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้สถานที่ปล่อยของเหล่านี้ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ซึ่งตรงนี้แหละที่ผมมองว่ามันเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่รวบรวมคนเก่งไว้ รอให้พวกคุณมาทำความรู้จักและจับมือกันไปเปลี่ยนแปลงประเทศ นอกจากนี้ตามงาน Networking ต่าง ๆ ก็นับว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นที่รวบรวมคนรุ่นใหม่ และมีความสนใจในสิ่งเดียวกันอยู่มาก

บทสรุปความสำเร็จของ SME ที่ควรมีต่อการทำ IoT

ในการทำสินค้าให้ประสบความสำเร็จได้เรามีทางเลือกอยู่เพียง 4 ทางเท่านั้นคือ 1. เราเป็นคนแรก 2. เราดีที่สุด 3. เราถูกกว่าคนอื่น และ 4. เราสร้างความแตกต่าง ผู้อ่านทุกคนต้องเลือกให้ดีว่าเราจะทำสินค้าของเราในด้านไหน เพื่อให้การขับเคลื่อนธุรกิจเป็นไปในจุดเดียวและมีเป้าหมายที่ชัดเจน หลังจากสร้างสินค้าขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว เราต้องขยับก้าวเข้าสู่วงการ IoT โดยการส่งสินค้าที่เรามีไปสู่ระดับโลก นำไปเสนอที่ต่างประเทศ หรือนำมาใช้งานจริงให้ได้ และสุดท้าย สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากที่สุดเหนือกว่าหลักการใด ๆ บนโลกนี้เลยก็คือ อย่ามัวแต่ลังเลและคิดแต่จะรอเวลาที่พร้อม ‘การลงมือทำ’ คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

ที่มา : http://www.bangkokbanksme.com/

119.76.30.74

Admin_support

Admin_support

ผู้ดูแล

chalermphol@qmlcorp.com

ตอบกระทู้
CAPTCHA Image
Powered by MakeWebEasy.com