ไทยขาดแคลน แรงงานดิจิทัล อย่างหนัก โดยเฉพาะทักษะความปลอดภัยทางไซเบอร์

นิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ และอินเทลลิเจนต์ยูนิต (The Economist Intelligence Unit : EIU) บริษัทวิเคราะห์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจระดับโลก เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจดิจิทัลใน 45 เมืองใหญ่ทั่วโลกเป็นครั้งแรก โดยพบว่า กรุงเทพฯ อยู่ในอันดับที่ 26 ตามหลังเมืองใหญ่ในอาเซียนอย่างกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ที่อยู่อันดับ 6 และกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียที่อยู่อันดับ 8 รวมถึงสิงคโปร์ซึ่งอยู่อันดับที่ 14 ขณะที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียอยู่อันดับที่ 39

ผลสำรวจผู้บริหาร 2,620 คน จาก 11 ภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก พบว่าโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เป็นส่วนที่ไทยทำอันดับได้แย่ที่สุด โดยอยู่ที่ 29 จาก 45 อันดับ แต่ 41% ของผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าไทยมีปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยเฉพาะทักษะด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตามด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดียเป็นที่ต้องการมากเป็นอันดับ 2

รายงานระบุว่า การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลเป็นความท้าทายของเอเชีย-แปซิฟิก โดยความต้องการทักษะด้านความปลอดภัยทางดิจิทัลยังคงมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ บิ๊กดาต้า รวมถึงยังขาดแคลนทักษะด้านการทำเครือข่ายธุรกิจ และทักษะที่จำเป็นต่อการนำพาธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

ด้าน เดวิด เบิร์นส์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มงานบริการระหว่างประเทศของ เทลส์ตรา บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของนิตยสารฟอร์บส์ ว่าการสำรวจดังกล่าวไม่ได้สะท้อนถึงการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล แต่สะท้อนความเชื่อมั่นต่อการพัฒนายุคดิจิทัลของแต่ละเมือง โดยเมืองในตลาดเกิดใหม่เอเชีย เช่น บังกาลอร์ของอินเดีย ที่ได้อันดับ 1 และกรุงจาการ์ตาได้รับความเชื่อมั่นในระดับสูง เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทางมือถือกำลังเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับจำนวนผู้ประกอบการหน้าใหม่

แรงขับเคลื่อนธุรกิจในระยะแรกเริ่มดังกล่าวช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของเมืองในประเทศตลาดเกิดใหม่ แตกต่างจากเมืองที่พัฒนาแล้วที่ต่างมีความคาดหวังสูงต่อทั้งความต้องการแรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน โดยกว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าโครงสร้าง พื้นฐานของนิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก และสิงคโปร์ ยังคงมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ เมืองที่คว้าความเชื่อมั่นเป็นอันดับ 2 คือ ซานฟรานซิสโก ตามมาด้วยอันดับ 3 มุมไบและอันดับ 4 กรุงนิวเดลีของอินเดีย ขณะที่กรุงปักกิ่งตามมาเป็นอันดับ 5



ที่มา : https://www.smartsme.co.th