Startup FinTech

ในช่วงที่ผ่านมากระแส FinTech ถือเป็นกระแสการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผนวกกับธุรกรรมด้านการเงิน ซึ่งมีเป้าหมายในการให้ความสะดวกสบายและปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการด้านการเงิน นอกจากนี้ยังช่วยให้ธุรกิจ e-Commerce ในประเทศไทยมีการเติบโตอีกด้วย

โดยจาก รายงานผลการสำรวจมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี 2559 ซึ่งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA สำรวจข้อมูลพบว่า ผู้ประกอบการในเกือบทุกอุตสาหกรรม จะเน้นให้ความสำคัญในการเปิดให้บริการช่องทางการชำระเงินทางออนไลน์ ในอัตราส่วนที่มากกว่าออฟไลน์ โดยพบว่าช่องทางการชำระเงินออนไลน์ 3 อันดับแรกที่ได้รับความนิยมคือ บัตรเครดิตและบัตรเดบิต (45.24%)

รองลงมาคือ e-banking เช่น Internet Banking และ MobileBanking (28.86%) และตามมาด้วยการชำระเงินผ่าน Mobile Payment Application หรือตัวแทน (Third Party) เช่น m-Pay, True Money และ Airpay เป็นต้น (22.55%)

สอดคล้องกับทาง VISA ที่พบว่า การชำระเงินผ่านบัตรมีอัตราเติบโตสูงขึ้น โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 9.3% โดยมีการใช้บัตรเครดิตเติบโต 8.6% และบัตรเดบิตเติบโต 18% ทั้งนี้ VISA จะเน้นไปที่เรื่องของ Innovation, Experience และ IoT

ด้าน นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย จำกัด ชี้เทรนด์ในอนาคตว่า FinTech อย่างไรก็ต้องเข้ามาในไทยแน่นอน โดยเฉพาะการจ่ายผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือระบบยืนยันตัวตนแบบ Biometric ซึ่งการที่ธนาคารจะต้องมานั่งคิดหาโซลูชั่นเพื่อตอบโจท์ความต้องการผู้บริโภค ดูจะเป็นเรื่องในอดีตที่ธนาคารจะต้องพัฒนาและวิจัยความต้องการของลูกค้า

ดังนั้น VISA จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการด้วยการเปิด Capability ในรูปแบบของ API ที่เป็นลักษณะ Open Source เพื่อให้สตาร์ทอัพที่มีความฝัน สามารถนำ API ต่างๆ มาเชื่อมโยงกันเพื่อพัฒนาเป็นโซลูชั่นที่น่าสนใจ ซึ่งนับเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของ Startup นอกจากนี้เมื่อ VISA ปล่อย API ในลักษณะ Open Source ก็จะเป็นช่องทางให้ Startup ทั่วโลกสามารถคิดค้นโซลูชั่นใหม่ๆ และสามารถนำโซลูชั่นด้าน FinTech ไปใช้ได้ทั่วโลก

การออกแบบดซลูชั่นในยุคใหม่นี้ Startup จำเป็นจะต้องนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก ซึ่งหากโซลูชั่นที่ Startup สร้างขึ้นมามีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาไปสู่โซลูชั่นด้าน FinTech ทาง VISA ก็จะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อที่ตรงกับความต้องการโซลูชั่น เพื่อร่วมกับพัฒนาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดย VISA ประสบความสำเร็จแล้วกับรูปแบบโซลูชั่นการชำระเงินแบบ mVISA ที่ใช้ QR Code ในการจ่ายเงินแทนการใช้บัตร ซึ่ง VISA กำลังทำความเข้าใจกับภาครัฐถึงระบบดังกล่าวที่เหมาะกับร้านขนาดเล็กที่ไม่มีเงินทุนในการติดตั้งเครื่องรูดบัตร

ที่มา : https://www.marketingoops.com